http://tradercode.blogspot.com/

tradercode

วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2554

Inv 1 : 04/03/54

วันศุกร์ที่ 04 มีนาคม 2554
TUF



เหตุผลที่ซื้อ TUF
ทางด้าน Technical เพราะ
1. เมื่อวันที่ 2 มีนาคม TUF ได้ลงไป Low ต่ำสุด 38.5 ก่อนที่จะมีแรงซื้อกลับขึ้นมา และปิดโดตอน Call Market ขึ้นมา 0.50 จาก 39.75 มาปิดที่ 40.25
2. Oscillators บางตัวมีสัญญาณเริ่มกลับตัวแล้ว
2.1 มี %R เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ โดยปรับตัวจาก -91 ขึ้นมาเป็น -75... เป็นสัญญาณ Buy Signal
2.2 Fast Stochastic %K ตัดเส้น %D ขึ้นมาแล้ว... เป็นสัญญาณ Buy Signal
2.3 ADX DI+ กลับจากลง เริ่มขยับขึ้นมาแล้ว... สัญญาณ เตรียมพร้อม
2.4 CCI รอสัญญาณให้ตัดเส้น -100 ขึ้นมา

ทางด้าน Fundamental เพราะ
1. ผลจากการรวมธุรกิจกับ MWB ซึ่งจะส่งผลบวกในแง่ของการมีฐานการผลิตและแหล่งวัตถุดิบหลายแห่ง อีกทั้งเพิ่มสินค้าที่อยู่ภายใต้แบรนด์ของตนเองและขยายตลาดไปยังยุโรปมากขึ้นซึ่งเป็นการกระจายความเสี่ยงจากการ พึ่งพิงตลาดสหรัฐฯ
2. TUF ประกาศจ่ายเงินปันผลอีก 0.34 บาท/หุ้น (XD 22 มี.ค.)
3. แต่อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนอยู่ที่ 1.6 เท่าและคาดว่าจะลดลงเหลือ 1 เท่าในอีก 3 ปีข้างหน้าซึ่งจะทำให้ TUFสามารถกลับมาจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรได้
4. คาดผลการดำเนินงานจะเติบโตก้าวกระโดดในปี 54 จากการรวบงบการเงินเข้ากับ MWB (28% ของยอดขายเฉพาะ TUF)
5. AYS ประเมินเบื้องต้นคาดว่ากำไร 1Q54 น่าจะกลับมาเติบโต QoQ รวมถึงกำไรปี 54 ยังคงเติบโตก้าวกระโดด ผลจากการรวมงบการเงินของ MWB เข้ามาในช่วงเดือนธ.ค. ปี 53 ซึ่งจะเริ่มรับรู้ผลเต็มไตรมาสตั้งแต่ 1Q54 เป็นต้นไป

-------------------------------------------------------------
FSS - TUF: เรามีมุมมองเป็นบวกต่อการประชุมเช้านี้ ซึ่งเชื่อว่าผ่านกำไรต่ำสุดใน 4Q10 ไปแล้ว คาดกำไรฟื้นตัวตั้งแต่ 1Q11 เป็นต้นไป / ราคาเป้าหมาย 60 บาท แนะนำ ซื้อ
TUF: เรามีมุมมองเป็นบวกต่อการประชุมเช้านี้ ซึ่งเชื่อว่าผ่านกำไรต่ำสุดใน 4Q10 ไปแล้ว คาดกำไรฟื้นตัวตั้งแต่ 1Q11 เป็นต้นไป
- จากการประชุมนักวิเคราะห์เช้านี้ เรามีมุมมองเป็นบวกต่อการฟื้นตัวของกำไรมากขึ้น และเชื่อว่า Consensus ต่างมีมุมมองเป็นบวกมากขึ้นด้วย
- ผ่านกำไรต่ำสุดใน 4Q10 แล้ว และคาดกำไรจะฟื้นตัวตั้งแต่ 1Q11 เป็นต้นไป อยู่ที่ราว 600 – 700 ล้านบาท (+70% - 90% Q-Q) หลังจากรวมกำไร MWB เต็มไตรมาส และปรับราคาขายทั้งในไทยและต่างประเทศเรียบร้อยแล้ว โดยคาดเห็นกำไรปีนี้สูงสุดใน 3Q11
- คาดกำไรปี 2011 อยู่ที่ระดับ 4.0 พันล้านบาท +40% Y-Y จากการรวม MWB เต็มปี
- ราคาเป้าหมาย 60 บาท แนะนำ ซื้อ


บล.กิมเอ็ง : TUF แนะนำซื้อ ราคาเหมาะสมปรับใหม่เท่ากับ 58.50 บาท
ปรับประมาณการสะท้อนกำไรที่ชะลอตัวแต่ยังแนะนำซื้อ อัตรากำไรทีปรับตัวลดลงมากส่งผลให้กำไรไตรมาส 4/53 ลดลงถึง 51% จากราคาวัตถุ ดิบเพิ่มขึ้นและมีความผันผวนรวมทั้งผลกระทบจากการรวม MWB แม้เรามีการปรับลดประมาณ การแต่กำไรปีนี้ยังมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นจากปีที่ผ่านมาเนื่องจากการรวม MWB เข้ามาเต็มปีและ การปรับราคาขายสินค้าสะท้อนถึงต้นทุนที่สูงขึ้น บริษัทประกาศเงินปันผล 0.34 บาท/หุ้น ราคา เหมาะสมอิง PER 14 เท่าปรับลดลงเป็น 58.50 บาท ยังคงคำแนะนำ ซื้อ

อัตรากำไรที่ลดลงบั่นทอนผลประกอบการไตรมาส 4/53
TUF มีกำไรสุทธิไตรมาส 4/53 ลดลงถึง 51% yoy เป็น 352 ล้านบาทจากการที่อัตรา กำไรขั้นต้นลดลงจาก 16.2% ในไตรมาส 4/52 มาเป็น 11.8% เนื่องจากหลายประเด็น คือ
1) ราคากุ้งปรับตัวสูงขึ้นมากทำให้ต้นทุนสูงขึ้นแต่ยังมีคำสั่งซื้อตามสัญญาเดิมซึ่งยังไม่ได้ปรับราคา
2) ราคาปลาทูน่าผันผวนทำให้การบริหารต้นทุนทำได้ลำบาก
3) มีการบันทึกสินค้าคงเหลือของMW Brands (MWB) ในราคาตลาดแทนที่จะบันทึกในราคาทุน และ
4) บันทึกค่าตัดจำหน่าย
ค่าธรรมเนียมธนาคารประมาณ 25 ล้านบาทในการกู้ยืมเงินเพื่อมาซื้อ MWB อย่างไรก็ดียอดขายเติบโตถึง 20% yoy แม้ว่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นถึง 9% yoy มาที่ 30 บาท/เหรียญสหรัฐ ทั้งนี้เนื่องจากการรวม MWB เข้ามาตั้งแต่เดือน พ.ย. 2553 ทำให้ยอดขายสินค้าเกือบทุกกลุ่มเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งกุ้งแช่แข็งและทูน่ากระป๋องซึ่งเติบโตโดดเด่น ส่วนกำไรสุทธิของทั้งปี2553 ลดลง 14% เป็น 2,874 ล้านบาทจากการที่อัตรากำไรลดลงจากการที่ราคาวัตถุดิบกุ้งปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากขณะที่ราคาปลาทูน่าผันผวน อย่างไรก็ดียอดขายรวมในรูปดอลล่าร์เพิ่มขึ้น13% เป็น 2,268 ล้านเหรียญ

ผลประกอบการจะฟื้นตัวขึ้นโดดเด่นในปีนี้
เราเริ่มรวมงบการเงินของ MWB เข้ามาใน TUF เป็นเวลาเต็มปีตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไปแต่กำไรของ TUF คาดว่าจะต่ำกว่าที่เราได้ประเมินเบื้องต้นไว้ก่อนหน้านี้จากอัตรากำไรที่ลดลงโดยจะมีการตัดจำหน่ายค่าธรรมเนียมธนาคาร ในการกู้ยืมประมาณ 700 ล้านบาทในระยะเวลา5-6 ปีซึ่งคิดเป็นประมาณ 120-140 ล้านบาทต่อปี อย่างไรก็ดีผลประกอบการปีนี้คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นจากปีที่ผ่านมา โดยเราคาดว่ากำไรจะเพิ่มขึ้น 39% เป็น 4,004 ล้านบาท (4.19 บาท/หุ้น)เป็นผลมาจากการทยอยปรับราคาขายตามต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นและผลจากการรวมธุรกิจกับ MWB ซึ่งจะส่งผลบวกในแง่ของการมีฐานการผลิตและแหล่งวัตถุดิบหลายแห่ง อีกทั้งเพิ่มสินค้าที่อยู่ภายใต้แบรนด์ของตนเองและขยายตลาดไปยังยุโรปมากขึ้นซึ่งเป็นการกระจายความเสี่ยงจากการ พึ่งพิงตลาดสหรัฐฯ

ปรับลดราคาเหมาะสมแต่ยังแนะนำ ซื้อ
TUF ประกาศจ่ายเงินปันผลอีก 0.34 บาท/หุ้น (XD 22 มี.ค.) หลังจากจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปก่อนหน้านี้รวม 1.26 บาท/หุ้น แม้มีการกู้ยืมเงินเป็นจำนวนมากแต่อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนอยู่ที่ 1.6 เท่าและคาดว่าจะลดลงเหลือ 1 เท่าในอีก 3 ปีข้างหน้าซึ่งจะทำให้ TUFสามารถกลับมาจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรได้ ส่วนในช่วงปี 2554-2556บริษัทมีเงื่อนไขการกู้เงินโดยสามารถจ่ายเงินปันผลได้ไม่เกิน 1.2 พันล้านบาทต่อปีจนกว่าอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนจะลดลงมาอยู่ในระดับ 1 เท่า เราประเมินมูลค่าหุ้นด้วย PER 14 เท่า ราคาที่เหมาะสมปรับใหม่เท่ากับ 58.50 บาท แนะนำ ซื้อ

------------------------------------------------------
บล.กรุงศรีอยุธยา : TUF แนะนำ “เก็งกำไร” ราคาพื้นฐานอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการ

กำไรก่อนอัตราแลกเปลี่ยน 4Q53 เท่ากับ 224 ล้านบาท (-50%QoQ, -68%YoY)
1. TUF มีกำไรสุทธิ 4Q53 เท่ากับ 352 ล้านบาท หากไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน (128 ล้านบาท) จะมีกำไรจากการดำเนินงานเท่ากับ 224 ล้านบาท (-50%QoQ, -68%YoY) ต่ำกว่าประมาณการ 63% คาดว่าเกิดจากการแข็งค่าของเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐฯ (4Q53 อยู่ที่ 30.1 บาท +4%QoQ, +11%YoY) และการปรับขึ้นของราคาวัตถุดิบทูน่า โดยราคาตลาด Skipjack Tuna เริ่มปรับขึ้นตั้งแต่ 2Q53 ทำจุดสูงสุดของปีในเดือนมิ.ย.ที่ระดับ US$1,705 ต่อตัน เพิ่ม 49% จากค่าเฉลี่ยปี 52และยังสูงถึง US$ 1,206 ต่อตัน (-12%QoQ, +32%YoY) ใน 4Q53 ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นลดเหลือเพียง 11.8% เทียบกับ 12.5% และ 16.1% ใน 3Q53 และ 4Q52 ตามลำดับ
2. ยอดขายไตรมาสนี้โต 18%QoQ และ 20%YoY สูงกว่าประมาณการ 19% ผลจากปริมาณขายโตที่โต 17%QoQ และ 27%YoY เป็นการเติบโตแทบทุกผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ทูน่า (+50%YoY) และผลิตภัณฑ์แช่แข็ง (+80%) ส่วนราคาขายต่อหน่วยส่วนใหญ่ปรับลดลง 1%-14% QoQ คาดว่าเกิดจากนโยบายระบายสินค้าคงคลังช่วงปลายปี ขณะที่ราคาปลากระป๋องปรับขึ้นกว่า 40%QoQ คาดว่าเกิดจากผลิตภัณฑ์ของ MWB ที่เข้ามาในเดือนธ.ค. และกุ้งแช่แข็ง (+9%QoQ) ที่ราคาต่อหน่วยปรับขึ้นไตรมาสที่ 4 ติดต่อกันตามทิศทางในตลาดโลก

คาดกำไร 1Q54 จะกลับมาเติบโต QoQ จากการรวมงบกับ MWB
AYS ประเมินเบื้องต้นคาดว่ากำไร 1Q54 น่าจะกลับมาเติบโต QoQ รวมถึงกำไรปี 54 ยังคงเติบโตก้าวกระโดด ผลจากการรวมงบการเงินของ MWB เข้ามาในช่วงเดือนธ.ค. ปี 53 ซึ่งจะเริ่มรับรู้ผลเต็มไตรมาสตั้งแต่ 1Q54 เป็นต้นไป ขณะเดียวกันแนวโน้มราคาอาหารที่ยังคงอยู่ในช่วงขาขึ้นตลอดปี 54 นี้จะสนับสนุนการปรับขึ้นราคาผลิตภัณฑ์เพื่อชดเชยต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับสูงขึ้น

คงคำแนะนำ “เก็งกำไร”แต่อยู่ระหว่างทบทวนประมาณการและมูลค่าพื้นฐาน
คาดผลการดำเนินงานจะเติบโตก้าวกระโดดในปี 54 จากการรวบงบการเงินเข้ากับ MWB (28% ของยอดขายเฉพาะ TUF) อย่างไรก็ตาม AYS แนะนำแค่ “เก็งกำไร” เพื่อรอความชัดเจนถึงทิศทางการดำเนินงานและโครงสร้างต้นทุนของ MWB หลังการรวมกิจการเข้ามาในปีนี้ กอปรกับต้นทุนวัตถุดิบทูน่า (50%-60% ของต้นทุนวัตถุดิบ) มักผันผวนตามราคาน้ำมันดิบ และยังคงคาดการณ์ทิศทางได้ยากขณะที่การปรับราคาผลิตภัณฑ์ขึ้นตามค่อนข้างล่าช้า จะเป็นปัจจัยกดดันผลการดำเนินงานปี 54 AYS อยู่ระหว่างทบทวนประมาณการ และมูลค่าพื้นฐานหลังการเข้ารรับฟังข้อพบผู้บริหารในวันที่ 4 มี.ค.นี้

เรียบเรียง โดย ปุณณภา นาเมืองรักษ์
อีเมล์แสดงความคิดเห็น commentnews@efinancethai.com

ที่มา อีไฟแนนซ์ไทย วันที่ 02/03/11 เวลา 9:56:19


วันพฤหัสบดีที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2553

ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ คนที่3

ข้านี่แหละ...ดูแลตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม”
ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ คนที่3


Investor Station:
คุณไพบูลย์ มีแนวคิดในการใช้ชีวิตและการบริหารงานต่างๆ อย่างน่าชื่นชม และสามารถนำไปเป็นแบบอย่างได้ คือไม่ชอบเอาอะไรจากคนอื่น ทุกสิ่งทุกอย่างต้องแสวงหามาได้ด้วยตัวเอง แต่ทว่านอกจากไม่ยอมเอาอะไรจากคนอื่นแล้ว แม้จากตัวเองก็ไม่อยากจะหยิบฉวยอะไรเลย เช่น บางคนมีทรัพย์มากมาย แต่ไม่ยอมใช้จ่าย เพราะกลัวจะเสียทรัพย์ ต้องมีชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก เบียดเบียนตนเองให้เกิดทุกข์ เขามองว่าคนที่ชอบเบียดเบียนคนอื่น และเบียดเบียนตนเองนั้น ถือได้ว่าเป็นพวกสุดโต่ง มีความสุขบนความทุกข์ ฝ่ายหนึ่งสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น ฝ่ายหนึ่งสุขบนความทุกข์ของตนเอง เขามีโอกาสไปร่ำเรียนที่ประเทศอังกฤษ ด้วยทุนของรัฐบาลไทย หลังจากเรียนจบ แล้วกลับมาทำงานรับใช้บ้านเมืองที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ไต่เต้าขึ้นถึงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงก่อนจะลาออก แล้วเข้าดำรงตำแหน่ง กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันที่ 1 ก.ย. 2523 - 31 มี.ค. 2525 นอกจากนี้ก็ยังทำงานพัฒนาชนบทไปด้วย โดยเป็นผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะและพัฒนาชนบท อันเป็น NGO ที่สำคัญ ก่อตั้งโดยอาจารย์ป๋วย อึ้งภากรณ์ มีบทบาทในการส่งเสริมพัฒนาผู้คนในชนบทอย่างกว้างขวาง

วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

แนะนำหนังสือ "เล่นหุ้น...อย่างมืออาชีพ" สร้างกำไรได้....ในทุกสถานการณ์

ผมขอแนะนำหนังสือของ...คุณบรรจง อมรชีวิน
"เล่นหุ้น...อย่างมืออาชีพ" สร้างกำไรได้....ในทุกสถานการณ์

โดยหนังสือเล่มนี้...ไม่ให้ความรู้พื้นฐาน...ของการเล่นหุ้น
แต่เหมาะสำหรับ...ผู้ที่พอมีความรู้พื้นฐานอยู่บ้าง
และกำลังมองหา...แนวทางการลงทุน
จากนักลงทุนหลายคน...ที่ประสบความสำเร็จ

การลงทุนไม่มีสูตรสำเร็จ....หรือสูตรที่ดีที่สุด
แต่อาจจะอาศัยประสบการณ์...จากนักลงทุนเหล่านั้น
มาปรับใช้กับตัวท่านเอง...ได้อย่างเหมาะสม
เพราะพื้นฐานการลงทุน...ของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน
ซึ่งถ้าใครได้นำมาแนวทางต่างๆ... มาใช้ได้อย่างเหมาะสม
ก็ย่อมที่จะประสบความสำเร็จได้...ไม่มากก็น้อย

โดยหนังสือ...จะแบ่งออกเป็น 5 ตอน
ตอนแรก
...จะเป็นการแนะนำให้รู้จักกับ...นักเล่นหุ้นมืออาชีพ...

ที่ประสบความสำเร็จ
- รู้จักกับอภิมหาเซียนหุ้น
- บันได 8 ขั้น สู่การเป็นมืออาชีพ

ตอนที่สอง...เป็นการนำเสนอการลงทุนอย่างเป็นระบบ
- การเลือกซื้อหุ้นอย่างชาญฉลาด
- การดูผลประกอบการรายไตรมาส
- อุปสงค์และอุปทานในหุ้น
- มองหาหุ้นที่สถาบันให้ความสนใจ
- ทิศทางของตลาดจะไปทางไหน

ตอนที่สาม...เป็นเรื่องของเทคนิคในการขายหุ้น
- จะขายหุ้นอย่างไร
- ขายเอากำไรเมื่อไหร่

ตอนที่สี่...เป็นเรื่องของเทคนิคในการลงทุน
- การกระจายความเสี่ยงในการลงทุน
- เล่นหุ้นด้วยเทคนิค หรืออิงพื้นฐานดี
- ข้อผิดพลาดของนักลงทุน

ตอนที่ห้า...เป็นการเสนอเคล็ดลับในการลงทุนให้ประสบความสำเร็จ
- เคล็ดลับการลงทุน
- กฎทองของการลงทุน

ผมอ่านแล้ว...คิดว่าคุ้มค่าทีเดียวเลยครับ...กับหนังสือเล่มนี้
ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง...สำหรับผู้ที่ต้องการ... guide line
กลยุทธ์และแนวความคิด...ของการลงทุนแบบมืออาชีพ...ระดับโลก

วันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

แนะนำหนังสือ "ตลาดหุ้นไทย : The Survival Kit"

เป็นหนังสือที่ดีอีกเล่มหนึ่งเกี่ยวกับภาพรวมของตลาดหุ้นไทย
ที่มีรูปเล่มและเนื้อหาที่กระชับ
เหมือนชุดคิด (Kit).....ที่รวบรวมเรื่องที่นักลงทุนควรรู้....ในการเอาตัวรอดในตลาดหุ้นไทย


1. สถาวะตลาดหุ้นไทย
ในการลงทุนในหุ้นสักตัว....ก็ต้องติดตามภาวะเศรษฐกิจไทย
การดูสภาพคล่องของหุ้นตัวนั้นๆ
การดูกระแสเงินทุนจากต่างประเทศ
การดูผู้ที่ควบคุมหุ้นส่วนใหญ่ โดยส่วนที่เหลือก็จะเป็นของ Free Float


2. จิตวิทยาการลงทุน
การตั้งเป้าในการตัดขาดทุน....หรือการเป้าหมายในการทำกำไร
จะทำให้สามารถควบคุมความกลัวหรือความมั่นใจในตนเองมากเกินไป


3. การวิเคาระห์รายอุตสาหกรรม
ได้มีการวิเคราะห์หุ้นทุกกลุ่มอุตสาหกรรม.....ที่เป็นปัจจัยหลักของบริษัท
ที่ส่งผลในด้านความสามารถในการแข่งขัน......ความสามารถในการทำกำไร...เป็นต้น


ผู้เขียน คือ คุณนรินทร์ โอฬารกิจอนันต์ ได้แนะนำหนังสือเล่มนี้ไว้ที่ blog ของ settrade
http://api.settrade.com/blog/1001ii/2008/11/15/380

วันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

แนะนำหนังสือ รวยหลักล้าน ผ่าน Blog Marketing

ผมเคยได้ยินเรื่องการแนะนำให้ดูข่าวสารเพิ่มเติมผ่าน blog มาสักระยะหนึ่งแล้ว โดยตอนนั้นเป็น Blog ของ The Nation โดยคุณสุทธิชัย หยุ่น ซึ่งผมก็เข้าไปดูแต่ไม่ได้สนใจอะไรมากมาย แต่ในระยะหลังนี้ มีการพูดหรือแนะนำกันถึง Blog กันอย่างมากมาย โดยผมก็รู้สึกว่า Blog นั้นคืออะไร มีความสำคัญอย่างไรในปัจจุบัน

พอดีได้ไปเดินดูหน้งสือที่ร้าน B2S ในห้างเซ็นทรัล ชิดลม ได้เจอหนังสือที่เขียนเกี่ยวกับ Blog ชื่อ รวยหลักล้าน ผ่าน Blog Marketing เขียนโดยคุณอนุชา ลีวรกุล ซึ่งเป็นเล่มแรกที่ผมเคยเห็น จึงหยิบมาเปิดดูผ่านๆ ก็เห็นว่าน่าสนใจ จึงค่อยๆ เปิดอ่านตรงที่เราสนใจคือ ใครๆ ก็สามารถมี Blog เป็นของตนเองได้ใน 1 นาที และก็บอกรายละเอียดเกี่ยวกับ Blog ทุกอย่างที่เราอยากรู้ และสิ่งต่างๆ ที่เราควรรู้ ผมจึงตัดสินใจซื้อหนังสือเล่มนี้มาเพื่อศึกษาเรื่อง Blog อย่างจริงจัง

จากนั้นผมก็ได้สร้าง Blog ของตนเองขึ้นมาเพื่อที่จะต้องการที่จะเผยแพร่และแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ต่างๆ ของตนเองและของผู้ที่เข้ามาอ่าน Blog ในเรื่องของการลงทุนในหุ้นเป็นหลัก


หนังสื่อเล่มนี้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของผมในการเข้าสู่โลกกว้างใน Internet ผ่าน Blog ครับ